Tuesday, August 26, 2014

Narong Wannasa : Artist






Narong Wannasa : Artist 
















ณรงค์ วรรณสา : ศิลปิน  













เมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็ก คุณแม่ส่งผมไปโรงเรียนประจำเป็นเวลา 12 ปีตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งนั้นมีชื่อว่าโรงเรียนสงเคราะห์ธวัชบุรีและโรงเรียนตั้งอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด พ่อแม่ของผมมีบุตรสามคน และผมเป็นคนเดียวที่ถูกส่งไปเรียนที่ต่างจังหวัดเพราะคุณแม่ทราบว่าผมรักการวาดรูป จนถึงทุกวันนี้ผมส่งผลงานมากกว่าร้อยชิ้นเข้าร่วม ประกวดในการแข่งขันทางศิลปะหลายๆงาน 13 ปีที่แล้วผมได้รับรางวัลที่สอง การงานประกวดผลงานศิลปะที่จัดโดยองค์การสหประชาชาติ หัวข้อของงาน คือประชากรและสิ่งแวดล้อม ต่อมาผมได้รางวัลอันดับสองอีกครั้งหนึ่งจากการ แข่งขันออกแบบโปสเตอร์ ในเวลานี้คนที่ได้อันดับหนึ่งเป็นชาวแอฟริกัน นี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเลือกวิธีการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง หลังจากที่ผมจบจากโรงเรียนแล้วผมตัดสินใจศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตบางแสน พัทยา เพราะความสะดวกสบายมากกว่าในการหาห้องพักและผมสามารถบริหารค่าเดินทางได้ดีกว่า ในตอนที่ผมเรียนอยู่ก็ทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูตนเองไปด้วยโดยที่ไม่มีผลกระทบกับการเรียน ในปีที่สามผมโอนหน่วยการเรียนไปเป็นนักเรียนเปลี่ยนในมณฑลยูนนาน ประเทศจีนเป็นเวลา 1 ภาคการศึกษา มหาวิทยาลัยที่ผมไปเรียนคือมหาวิทยาลัยต้าหลี่ อาจารย์ใน ภาควิชาศิลปะเป็นศิลปินจริงๆ และทุกท่านเมตตาผมมาก ต้าหลี่เป็นเมืองแห่ง ศิลปะที่สวยงามและวิวทิวทัศน์ตระการตา อาหารการกินที่นั่นก็ดีเช่นเดียวกัน เหตุผลต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผมยืดเวลาการศึกษาและจบปริญญาตรีที่นั่น ในปี พ.ศ. 2534 ผมจัดงานนิทรรศการเดี่ยวขึ้นในเมืองต้าหลี่และภาพเขียนของผมถูกขายไปเกือบทั้งหมด ผมนำติดตัวกลับมาสองสามรูปไว้เป็นที่ระลึก อาจารย์มากล่าวอำลาที่สนามบินในวันสุดท้ายที่ผมอยู่ในประเทศจีน และหนึ่งในนั้นได้มอบคำแนะนำทิ้งท้ายเอาไว้ว่าศิลปินคนไหนก็ตามสามารถวาดภาพเหมือนได้ถ้าได้รับการฝึกฝนอย่างเพียงพอแต่จะดีกว่ามากถ้าเขาไปค้นหาความเป็น
เอกลักษณ์เฉพาะตัว











When I was young, my mother sent me to a boarding school for 12 years      from primary school year one to high school year three. That school was called
Songkroh Tawatburi and was situated in Roi Et Province. My parents have three children including me and I was the only one who was sent to the school in the other province because my mother knew that I loved drawing. To date, I have sent hundreds of my paintings to various art competitions and contests. 13 years ago I got the second prize from the United Nations Art Contest: the theme of the artwork was "Population and environment". Later I got the second prize again in a poster design competition and this time the first prize winner was African.





































This was my inspiration to choose my own way of living. After I graduated from school, I decided to continue my study at Burapha University in Bang Saen, Pattaya because it was more convenient for me to find accommodation and I could manage my travel costs better. During my study there I also worked to support myself financially and my grade was not affected by this. In the third year I transferred my study credits to be an exchange student in Yunnan Province, China for one semester. The university I went to was called "The University of Da Li."  The professors in the art departments were real artists and they were very compassionate. Da Li was the land of beautiful art and its scenery was spectacular. The food there was nice too. These reasons encouraged me to extend my study time and finish my bachelor's degree there. In 1991 I had my solo exhibition in Da Li and all of my paintings were almost sold out. I only took a few of them with me as a souvenir. My professors came to say goodbye to me at the airport on my last day in China and one of them gave me some final advice: he said any artist could draw a realistic portrait if he had enough training but it is better for him to find individual uniqueness











นี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเลือกวิธีการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง หลังจากที่ผมจบจากโรงเรียนแล้วผมตัดสินใจศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตบางแสนพัทยา เพราะความสะดวกสบายมากกว่าในการหาห้องพักและผมสามารถบริหารค่าเดินทางได้ดีกว่า ในตอนที่ผมเรียนอยู่ก็ทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูตนเองไปด้วยโดยที่ไม่มีผลกระทบกับการเรียน ในปีที่สามผมโอนหน่วยการเรียนไปเป็นนักเรียนเปลี่ยนในมณฑลยูนนาน ประเทศจีนเป็นเวลา 1 ภาคการศึกษา มหาวิทยาลัยที่ผมไปเรียนคือมหาวิทยาลัยต้าหลี่ อาจารย์ในภาควิชาศิลปะเป็นศิลปินจริงๆ และทุกท่านเมตตาผมมาก ต้าหลี่เป็นเมืองแห่งศิลปะที่สวยงามและวิวทิวทัศน์ตระการตา อาหารการกินที่นั่นก็ดีเช่นเดียวกันเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผมยืดเวลาการศึกษาและจบปริญญาตรีที่นั่น ในปีพ.ศ. 2534 ผมจัดงานนิทรรศการเดี่ยวขึ้นในเมืองต้าหลี่และภาพเขียนของผมถูกขายไปเกือบทั้งหมด ผมนำติดตัวกลับมาสองสามรูปไว้เป็นที่ระลึก อาจารย์มากล่าวอำลาที่สนามบินในวันสุดท้ายที่ผมอยู่ในประเทศจีน และหนึ่งในนั้นได้มอบคำแนะนำทิ้งท้ายเอาไว้ว่าศิลปินคนไหนก็ตามสามารถวาดภาพเหมือนได้ถ้าได้รับการฝึกฝนอย่างเพียงพอแต่จะดีกว่ามากถ้าเขาไปค้นหาความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว








ณรงค์ วรรณสา































รักแม่นะครับ





















The scenery such as mountains, forests and rice fields present unique images of Northeastern culture of Thailand. I started to think that a buffalo can be a unique representative for this. It was also the inspiration from my family in Kalasin Province. When I was a child I saw some buffaloes and farmers in the rice fields. Not only that, forests and birds are different from other regions in Thailand. I try to draw many animals such as elephants, horses, cows and buffaloes. In the end I choose to draw buffaloes in different settings and postures to convey my story and emotions. A buffalo's horn is like a branch. I used to see a flock of myna birds on a buffalo's back. There are snakes in some paintings though. The scenery of the forest in Isan region is so different from other forests.  What I try my best to use in my painting are my individuality and uniqueness in the same manner as the deep soul of Thai northeastern people. Most of my present paintings are created and applied from my childhood and adulthood memories.




























































In my opinion, buffaloes are honest and patient animals. They are also very peaceful and adorable. Their eyes and anatomy are so sincere and friendly with people and the environment. These paintings are very popular among foreigners and can be sold at high prices. Many art collectors understand how difficult it is to make distinctive art work with patience and refinement in the way of Isan people.
















And so, we have good news for everyone and I am excited to announce it:
Next year, 2015, Narong Wannasa and Supawat Thonglamul, Isan Artists, will have a joint art exhibition at  the American embassy in Bangkok.  It is now in preparation and I hope it will be a great time for art lovers. Two Artists from Isan who work on many mural paintings for temples will come back to cooperate for the Art exhibition together.  We will report on this event in a forthcoming issue..





1 comment:

  1. ภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชาวบ้านของเราเมื่อสมัยก่อนที่เรายังไม่เจริฐก๋มีวัวควายนี่ล่ะที่เราจะเห็นตอนช่วงเย็นที่เค้าพากันต้อนวัวควายเข้าคอก สมัยนี้ไม่มีอีกแล้ว

    ReplyDelete

Temp song