I have to thank Thailand's Songkran festival which gave me a chance to meet Jaroon Chaijit, renowned in the Thai world of sculpted art . He creates both wood and stone carvings and continuously exhibits his contemporary art works. In each exhibition, the names of his creations can impress people and inspire them to understand the value of fine arts, particularly sculpture. Jaroon Chaijit came to Chiang Mai to pay respect to his teachers and relatives. (Songkran festival is a week-long vacation and traditional Happy New Year for Thailand. Many people in the big city come back to their hometowns to celebrate with their families.)
Previously, I had interviewed Jakraphan Chaijit and he talked about his father, Jaroon. On this morning, Jaroon and his family personally came to visit me at my house before they went back to Chiang Rai province. I wanted to ask him about his work because I find that they are not so much Thai style but more like the European style of stone carving.
When Jaroon came he held a big brown brochure in his hand. This brochure was printed 11 years ago for the art exhibition 17-18 December 2000 at River City Department Store in Bangkok. The name of the exhibition was called "Hub Meoy Valley Sculptures". The picture on the cover is the sculpture of a Mermaid carrying her child in her back to protect her from the skull with a sharp mouth. I asked him "Is this sculpture made from stone or wood?" Jaroon replied, "It is made from mahogany." I felt that it was very good way to present meaningful artwork on a brochure cover. I asked him further: "Is this wooden sculpture still in Thailand". He said "Yes, it is. It is at the house of my friend who lives in Chiang Mai" He also added that he would not sell some of his favorite works.
I said I feel very delighted when you personally came to my house. Then I asked him about working with Misiem Yipinsoi, the Indonesian artist who was famous for her sculpting. and a student of Professor Silp Peerasri from SilpakornUniversity. Professor Silp Peerasri was a venerable artist who influenced the modern art of sculpting at that time, as can be seen in the architecture of some important government offices constructed in European style. Apart from Mesium Yipinsoi, Jaroon was also the training teacher for craftsmen who built Doi Tung palace in Chiang Rai province.
Janine: What kind of carving do you like to do?
Jaroon: I want to do carving that conveys some touching stories. It is mostly about the beauty and endurance of women and carving is representative of this concept which people can perceive and understand.
Janine: Is there any artist who works in the same concept as you?
Jaroon: Yes, I knew someone who had the same inspiration as me. He was Cheeva Komolmalai. Sadly, he passed away a long time ago.
Janine: You are still working on wood and stone carving at HubMoeyValley. I might have a chance to visit there. I find that name is very lovely. I am sure that it is a good place to live.
Jaroon: I work every day. Mostly, Thai and foreigners who buy my works will come again to buy more and decorate their home.
Janine: Do you work by order?
Jaroon: I do but it is not so frequent. Many people order something that I used to make. If I create the new art work, I can sell them right away.
Janine: Apart from the carving works, what else do you do?
Jaroon: I do some stucco of real people and monks.
ดิฉันขอขอบคุณวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ของไทยซึ่งทำให้ดิฉันได้มีโอกาสพบกับคุณจรูญ ไชยจิตต์ ที่เป็นที่รู้จักกันในเรื่องของศิลปะงาน
ประติมากรรม งานสร้างสรรค์การแกะสลักหินและไม้แล้วนำไปจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละนิทรรศการชื่อของผลงานสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้คนและสร้างแรงบันดาลใจให้เราเข้าใจคุณค่าของงานศิลปะโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานประติมากรรม คุณจรูญ ไชยจิตต์มาเชียงใหม่เพื่อเคารพครูอาจารย์และญาติพี่น้อง (เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์และขึ้นปีใหม่ของประเทศไทย หลายๆคนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่จะกลับบ้านเกิดเพื่อไปฉลองเทศกาลสงกรานต์กับครอบครัว)
ก่อนหน้านี้ดิฉันได้สัมภาษณ์คุณจักรพันธุ์ ไชยจิตต์และได้กล่าวถึงพ่อของเขาซึ่งก็คือคุณจรูญ เช้าวันนี้คุณจรูญและครอบครัวได้มาเยี่ยมดิฉันเป็นการส่วนตัวที่บ้านก่อนที่จะเดินทางกลับจังหวัดเชียงราย ดิฉันอยากถามเกี่ยวกับงานของคุณจรูญ ไชยจิตต์เพราะดิฉันพบว่าผลงานดูไม่เหมือนศิลปะไทยแต่ดูเหมือนจะเป็นศิลปะการแกะสลักหินแบบตะวันตก
เมื่อคุณจรูญมาถึงบ้านดิฉัน ในมือมีแผ่นพับขนาดใหญ่สีน้ำตาล ซึ่งแผ่นพับนี้ถูกตีพิมพ์เมือ 11 ปีก่อนในงานนิทรรศการศิลปะ วันที่17-18 ธันวาคม พ.ศ. 2543 ที่ห้างสรรพสินค้าริเวอร์ ซิตี้ ในกรุงเทพ งานนิทรรศการมีชื่อว่า"ประติมากรรมในม่านหมอก" รูปภาพบนหน้าปกเป็นงานประติมากรรมแกะสลักรูปนางเงือกอุ้มลูกไว้บนหลังเพื่อปกป้องลูกจากปีศาจเป็นหัวกระโหลกปากแหลม ดิฉันถามเขาว่า"รูปแกะสลักนี้ทำมาจากหินหรือไม้คะ"คุณจรูญตอบกลับมาว่า"ทำมาจากไม้มะฮอกกานีครับ"ดิฉันรู้สึกว่าเป็นวิธีที่ดีที่จะเสนอผลงานที่มีความหมายที่หน้าปกแผ่นพับ ดิฉันถามต่อไปอีกว่า"รูปแกะสลักไม้ชิ้นนี้ยังอยู่ในประเทศไทยรึเปล่าคะ"คุณจรูญบอกว่า"ยังอยู่ครับ อยู่ที่บ้านเพื่อนผมคนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่" และกล่าวเพิ่มเติม
มาอีกว่าเขาจะไม่ขายผลงานบางชิ้นที่ชอบมากที่สุด
ดิฉันบอกว่ารู้สึกยินดีเมื่อคุณมาพบดิฉันโดยส่วนตัวแล้วดิฉันก็ถามเกี่ยวกับการทำงานกับคุณมีเซียม ยิบอินซอย ศิลปินหญิงชาวอินโดนิเซียที่เป็นที่รู้จักจากงานประติมากรรมและยังเป็นนักเรียนของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีเป็นศิลปินที่ผู้คนนับถือซึ่งมีอิทธิพลต่อศิลปกรรมสมัยใหม่ในเรื่องของงานประติมากรรมในเวลานั้น ดังจะเห็นได้จากสถาปัตยกรรมของสำนักงานหน่วยงานราชการที่สำคัญมีการก่อสร้างในแบบตะวันตก นอกเหนือจากเรื่องคุณมีเซียม ยิบอินซอยแล้ว คุณจรูญยังเป็นอาจารย์ฝึกอบรมให้กับช่างฝีมือผู้ก่อสร้างพระตำหนักดอยตุงในจังหวัดเชียงราย ดิฉันรู้สึกอยากทราบถึงวิธีที่คุณจรูญสร้างผลงานของเขาเพราะว่าผลงานต่างๆเป็นรูปแบบยุโรปซึ่งต่างไปจากศิลปินล้านนาที่ชอบทำงานศิลปะพื้นบ้านไทย ดิฉันยังสงสัยอยู่ว่าคุณจรูญไปเรียนเกี่ยวกับการแกะสลักไม้มาจากที่ไหน คุณจรูญเคยเป็นข้าราชการและได้รับการสนับสนุนในงานศิลปะ จากกระทรวงอุตสาหกรรม
ต่อไปนี้เป็นตอนที่เหลือของบทสัมภาษณ์
จรูญ: "ผมไม่คิดว่าจะไปตั้งรกรากหมู่บ้านหับเหมยอยู่ที่นั่นเป็นการถาวรหลังจากที่กระผมลาออกจากกระทรวงอุตสาหกรรม เวลาก่อนหน้านั้นผมได้งานโดยใช้ความรู้ภาษาบาลีตอนที่เรียนระดับนักธรรมชั้นเอก และมีความรู้ด้านการแกะสลักไม้สอบเข้าทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรม และหลังจากนั้นผมผ่านการทดสอบรับเข้าทำงาน ความชอบส่วนตัวของผมในเรื่องการแกะสลักหินและไม้ผลักดันให้ผมเรียนรู้จากหนังสือและศิลปินมากมาย ผมสามารถแกะไม้และหินที่ชอบเพราะผมก็เป็นครูฝึกสอนแกะสลักไม้และหินของกระทรวงอุตสาหกรรม
จานีน: ดิฉันทราบมาว่าคุณเคยช่วยงานและทำงานกับคุณมีเซียม ยิบอินซอย
จรูญ: ครับ ผมได้มีโอกาสศึกษาเรื่องการแกะสลักหยกและหินกับคุณมีเซียม ยิบอินซอยและต่อมามีโอกาสไปเรียนแกะสลักหยกที่เมืองเทียนซินประเทศจีน ค่อนข้างที่จะท้าทายมากเพราะว่าผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับหินหลายๆ ชนิด และการแกะสลักหินไม้ไม่เหมือนกับการแกะสลักประเภทอื่นหินแต่ละชนิดมีความต่างกัน ถ้าแกะไม่ดีแล้วหินเหล่านั้นก็ไม่สามารถนำมาแกะได้อีกในขณะที่คุณสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในการแกะสลักไม้ได้ง่ายกว่า
จานีน: คุณชอบการแกะสลักประเภทไหน
จรูญ: ผมอยากแกะสลักสิ่งที่บอกเล่าเรื่องราวได้อย่างซาบซึ้ง ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความงดงามและความอดทนเป็นเรื่องราวของผู้หญิงและการแกะสลักก็เป็นตัวแทนของความคิดนี้ซึ่งผู้คนสามารถรับรู้และเข้าใจได้ง่าย
จานีน: มีศิลปินคนไหนบ้างที่ทำงานรูปแบบเดียวกันกับคุณ
จรูญ: ผมรู้จักคนหนึ่งที่มีแรงบันดาลใจแบบเดียวกับผม เขาคือคุณชีวา โกมลมาลัย แต่น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว
จานีน: คุณยังคงทำงานแกะสลักไม้และหินที่หมู่บ้านหับเหมย ดิฉันคงมีโอกาสได้ไปเยี่ยมที่นั่น ดิฉันคิดว่าชื่อน่ารักมากและแน่ใจว่าคงเป็นสถานที่ที่น่าอยู่
จรูญ: ส่วนใหญ่แล้วผมทำงานทุกวัน คนไทยและชาวต่างประเทศที่ซื้อผลงานของผมก็จะกลับมาซื้ออีกและเอาไปตกแต่งบ้าน
จานีน: คุณทำงานตามใบสั่งซื้อหรือไม่
จรูญ: ครับแต่ก็ไม่บ่อยนัก หลายๆคนสั่งซื้อสิ่งที่ผมเคยทำมาแล้ว ถ้าผมทำผลงานออกมาใหม่ก็ขายได้ทันที
จานีน: นอกเหนือจากงานแกะสลักแล้วคุณทำอะไรอีกบ้างคะ
จรูญ: ผมปั้นปูนเป็นรูปเหมือนบุคคลจริงและพระสงฆ์
Jakraphan Chaijit
My contribution to the Tsunami art project.2011
|
No comments:
Post a Comment